22.00 น. คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบินซาอุเดีย (SV) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
*** เที่ยวบินหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินเป็นผู้กำหนด ***
ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ป การจัดที่นั่งจะเป็นระบบ RANDOM ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบิน
01.05 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินเจดดาห์ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV849 (บริการ อาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 8.15 ชั่วโมง) (เวลาประเทศซาอุดิอาระเบีย ช้ากว่าประเทศ ไทย 4 ชั่วโมง)
06.00 น. เดินทางถึง สนามบินเจดดาห์ประเทศซาอุดิอาระเบีย (เวลาท้องถิ่น) นำท่านแวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางสู่ ประเทศอิตาลี(รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมง)
10.20 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินโรม ฟูมิชิโน่ ประเทศอิตาลีโดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV201 (บริการอาหาร และเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง 10 นาที)
13.40 น. ถึง สนามบินโรม ฟูมิชิโน่ ประเทศอิตาลี(เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้า เมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (Rome) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศอิตาลีซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 2700 ปี ในอดีตเคย เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมัน ซึ่งเป็นผู้ที่วางรากฐานอารยธรรมตะวันตกเผยแพร่ไปทั่วยุโรป และอาณาจักรแห่ง นี้ได้เสื่อมถอยจากการมาถึงของศาสนจักรจึงเข้าสู่ยุคมืดในที่สุด
พาท่านชม โคลอสเซียม (Colosseum) แลนมาร์กและสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอิตาลี เป็นสนามกีฬาทรง กลมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ 72 แล้วเสร็จในปีค.ศ 80 ทั้งนี้ยังสามาถจุคนได้มากถึง 80,000 คนเลย ทีเดียว โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างโคลอสเซียมนั้นเพื่อเป็นการชมกีฬาและการต่อสู้ของเหล่าทาสและกลาดิเอเตอร์ ในการประลองเพื่อเอาชีวิตรอดรวมถึงการแสดงฝีมือของเหล่านักรบอีกทั้งหากผู้ที่ชนะศึกการประลองจะได้รับ ชื่อเสียงและเงินทองมากมายอีกด้วย โดยในปี 1980 โคลอสเซียมได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกโดยองค์กร Unesco และในปี 2007 และได้ถูกยกให้กลายเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย
บริเวณใกล้กันนั้นท่านจะได้เห็น ประตูชัยคอนสแตนติน (Arch of Constantine) สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ชัยชนะของจักรพรรดิคอนสแตนตินในการสู้รบที่สะพานมิลเวียน การออกแบบโดยทั่วไปของซุ้มประตูนั้นมีส่วนหลัก ที่มีโครงสร้างเป็นเสาเดี่ยว และห้องใต้หลังคาที่มีจารึกหลักอยู่ที่บริเวณด้านบน ซึ่งได้จารึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชัย ชนะของการรบอันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์โรมัน
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ถูกสร้างขึ้นในปี 1732 โดยสถาปนิกนามว่านิโคลา ซาลวี แต่เนื่องจากสถาปนิกท่านนี้ได้เสียชีวิตไปก่อนหลังจากก่อสร้างน้ำพุแห่งนี้ซึ่งสร้างเสร็จไปเพียงครึ่งนึงเท่านั้น ซึ่งแล้ว เสร็จในปี 1762 โดยศิลปินนาว่า โจวานนี เปาโล ปานินิ ซึ่งน้ำพุแห่งนี้มีรูปปั้นของเทพเนปจูนหรือเทพเจ้าโพไซดอน ตามตำนานปกรนัมกรีก โดยน้ำพุแห่งนี้มีความเชื่อกันว่าหากเราโยนเหรียญในการอธิษฐานตกลงไปใต้น้ำพุซึ่งเชื่อกัน ว่าจะทำให้กลับมายังน้ำพุเทรวีแห่งนี้อีกครั้ง และไม่ไกลจากน้ำพุเทรวีมากนัก
นำท่านเดินทางสู่ บันไดสเปน (Spanish Step) เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดใน ยุโรป ด้วยขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่และมีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับโรมัน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีนามว่า ฟรานเชสโก เด ซังค์ติส และ อาเลสซานโดร สเปคชี ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ 1723 แล้วเสร็จในปีค.ศ 1725 ด้วยเงินจากกองทุนมรดกของนักการทูตชาวฝรั่งเศส
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางไปยัง สถานีรถไฟ Sesto Fiorentino (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เพื่อเดิน ทางเข้าสู่ เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะในยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มี โบราณสถานสําคัญ และมีทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงามจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้เมื่อ ปี ค.ศ.1982 ทําให้ทัสคานีมีชื่อเสียงในฐานะดินแดนท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก อิตาลี ท่านจะ ได้เห็นความยิ่งใหญ่ และอลังการของ มหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Santa Maria Dell Fiore) วิหาร ของเมืองฟลอเรนซ์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4ของทวีปยุโรป ซึ่งโดด เด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ใช้หินอ่อนหลายสีตกแต่ง ผสมผสานกันได้อย่างงดงาม และไม่ไกลจากกันนัก ท่านสามารถมองเห็นจอตโต แคมพานีลี (Giotto’s CampanileI) หรือจอตโต เบล ทาวเวอร์ (Giotto’s Bell Tower) หอระฆังที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ถูกสร้างขึ้นใน รูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ด้วยความสูงประมาณ 84.7 เมตร (277.9 ฟุต) ตัวหอคอยถูกตกแต่งด้วยรูปปั้น รูป แกะสลักอย่างงดงาม นําชม จัตุรัสเดลลา ซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) ซึ่งรายล้อมไปด้วยรูปปั้น อาทิ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน (Fountain Of Neptune), วีรบุรุษเปอร์ซิอุสถือหัวเมดูซ่า (Perseus With The Head Of Medusa), รูปปั้นเดวิด ผลงานที่มีชื่อเสียงของ ไมเคิล แองเจโล่ จากนั้นเดินไปไม่ไกล ริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน ท่านจะ พบกับ สะพานเวคคิโอ (Vecchio) สะพานเก่าแก่ที่มีมีร้านขายทอง และอัญมณีอยู่ทั้งสองข้างสะพาน ให้เวลาท่าน อิสระเลือกซื้อสินค้าทั้งของฝาก ของที่ระลึก รวมทั้งสินค้าแฟชั่นนําสมัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทอสคานา ประเทศอิตาลี บริเวณจัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่าหรือ จัตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี(Compo Dei Miracoli) ที่ ประกอบด้วยกลุ่มอาคาร สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ โดยเริ่มจากหอพิธีเจิมน้ำมนต์ (Baptistery of St. John) ที่ ใหญ่ที่สุดในอิตาลีพาท่านชม หอเอนเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 200 ปี โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกเป็นเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 ไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นคน ออกแบบ เมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น การก่อสร้างก็มีอันต้องยุติลง เพราะเมืองปิซ่าเข้าสู่ภาวะสงคราม ระหว่างการก่อสร้าง ช่วงแรก เพียงแค่ 5 ปี หลังจากเริ่มทำการก่อสร้างก็พบว่า หอคอยแห่งนี้ก็เริ่มเอนลงไปทางเหนือแล้ว โดยครั้งแรกที่ สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของหอคอยแห่งนี้ก็ในช่วงที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมช่วงที่สอง แต่ทว่าสถาปนิก จิโอ วานนี ดิ ซิโมเน ก็ยังคงเดินหน้าสร้างต่อ โดยปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซ่า ลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่ง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุกๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคน ทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองปราโต้” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นําท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟ ลา สเปเซีย (La Spezia) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เพื่อนั่งรถไฟ สู่ ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี ที่มีความหมายว่า “ดินแดนทั้งห้า (Five Land)” ตั้งบนหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ประกอบด้วย หมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIO MAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบ ประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย
นําท่านเดินเล่นชม หมู่บ้านริโอแมกจิโอเร่ (Rio - Maggiore) เป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่มีเสน่ห์และมีบรรยากาศ เหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วย ต้นไม้เขียวขจีตัดกับนํ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสี เทอร์ควอยซ์
กลับขึ้นรถไฟไปต่อยัง หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) ที่ถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในห้าหมู่บ้าน ที่สร้างมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1338 อาคารสีสันสดใสที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับลงมาหน้าผา ตัดกับสีของน้ำทะเลที่ท่านจะต้องเพลิดเพลิน ไปกับการเดินเล่นชมเมือง
นำท่านกลับขึ้นรถไฟไปต่อยัง หมู่บ้านเวร์นาซซา (Vernazza) หมู่บ้านชาวชาวประมงเล็กๆ ที่ได้รับความนิยมและ มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนที่อยู่ติดทะเล โดยมีโบสถ์หลังเล็กตั้งเด่นเป็นเเลนด์มาร์คอยู่ริมอ่าว คือ โบสถ์ Santa Margherita Di Antiochia สร้างขึ้นตั้งเเต่ราวศตวรรษที่ 9 มี หอนาฬิกาเเปดเหลี่ยม ตั้งอยู่โดด เด่นเป็นสง่า ไม่ไกลจากโบสถ์จะมีบันไดทางขึ้นเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างตึก เมื่อเดินตามทางขึ้นไปเรื่อยๆ จะพา เรามาอยู่ด้านหลังของโบสถ์ Santa Margherita หลังจากเดินผ่านจุด Check Point ไปอีกเล็กน้อย จะเป็นจุดชมวิว และจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน Vernazz จากจุดนี้ เราจะสามารถมองเห็นอาคารบ้านเรือนหลากสีที่ตั้งอยู่ ลดหลั่น ตัดกับท้องฟ้าสดใส และท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
สมควรแก่เวลานำท่านขึ้นรถไฟกลับสู่เมืองเลวานโต้จากนั้นเดินทางสู่ มิลาน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) มิลาน หรือ มิลาโน เป็นเมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี มิลานเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของ อิตาลีมีประวัติศาสตร์ศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลายผ่านสถานที่สำคัญมากมาย เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้นำ แฟชั่นระดับแนวหน้าของโลก มีชื่อเสียงในการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าแฟชั่นโมเดิร์นที่มีความ ทันสมัย เช่นเดียวกับ ปารีส และ นิวยอร์ค ทั้งมิลานเป็นหัวใจด้านเศรษฐกิจของอิตาลีเพราะเป็นศูนย์กลางการ คมนาคมเขตอุสาหกรรมที่หนาแน่นที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางการเดินทางเข้าอิตาลี
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเที่ยวชมแลนด์มาร์กของเมืองมิลาน ณ จัตุรัสกลางเมือง (Piazza del Duomo) จุดศูนย์กลางของเมือง เนื่องด้วยเป็นสถานที่ตั้งของ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) วิหารโอ่อ่าใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรม สไตล์โกธิคสีขาวเด่นสวยงาม เป็นอันดับ 3 ของโลก เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่ระหว่างการก่อสร้างก็พบกับ ปัญหา และอุปสรรคมากมาย ทั้งปัญหาการเมือง และการเงิน กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาไปถึง 579 ปี เปลี่ยนคน ก่อสร้างไปหลายชั่วอายุคน แต่มีสถาปนิกที่คุมการก่อสร้าง ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นก็คือ ลีโอนาโด นาวินชี ศิลปินชื่อ ก้องโลก วิหารนั้นมีการประดับประดาไปด้วยรูปปั้นกว่า 3,200 รูปที่สวยงาม และมียอดรวม 135 ยอด จนได้รับ ฉายาว่า “วิหารเม่น” นอกจากมหารวิหารดูโอโม่แล้วยังมีสัญลักษณ์เด่นอยู่อีก นั่นก็คือ อนุสาวรีย์พระเจ้าเอ็มมานู เอลที่ 2 (Monument to Vittorio Emanuele II) อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1896 เพื่อเป็นเกียรติแด่ พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิตาลีในปี 1861 เป็นรูปปั้นทรงม้าในอิริยาบท กำลังออกรบอยู่บนแท่นหินอ่อน
บริเวณใกล้กันจะเป็น ห้างสรรพสินค้ากลาง เมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี และเรียกได้ว่า เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ศูนย์การค้าสุดหรูของผู้ หลงใหลแฟชั่นและอาหารชั้นเลิศแห่งนี้ Galleria Vittorio manuele II ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ The Duomo
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ชมวิวที่สวยงามริม ฝั่งทะเลสาบโคโมทะเลสาบแสนสวยของประเทศอิตาลี เป็น ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี แต่มี ชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งรอบๆทะเลสาบจะมีเมืองตากอากาศกระจายตัวอยู่หลายๆ เป็น ทะเลสาบที่มีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งในแคว้นลอมบาร์เดีย เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ แต่มี ชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง
นำท่านถ่ายรูปด้านนอก มหาวิหารโคโม่ (Cathedral Of Como) เป็นมหาวิหารโรมันคาธอลิกใจกลางเมืองโคโม่ สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารี จากนั้นนำ ท่านถ่ายรูปกับ Monumento ai Caduti หรืออนุสาวรีย์ War Of Memorial สร้างโดยโครงสร้างหินขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างคล้ายหอคอย ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบโคโม่
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) และ ตั้งอยู่ระหว่าง เทือกเขาปิลาตุส (Mount Pilatus) และ ภูเขาริกิ (Rigi) เป็น ภูเขาที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ลูเซิร์นเป็นเมืองที่มีความเป็นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่ กับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) สัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ ระลึก และเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารหาญชาวสวิส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวลูเซิร์นมากกว่า 700 คนที่ ออกรบและเสียชีวิตในฝรั่งเศสเมื่อครั้งเกิด สงครามปฏิวัติยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเป็นการเจาะเนื้อหินและแกะสลักขึ้นรูปเป็นประติมากรรมสิงโตตัวใหญ่สวยงามมากแม้จะมีใบหน้าโศกเศร้าดังที่ว่าก็ตาม และอีกจุดหนึ่งที่น่า ชมมากในย่านนี้ก็คือ สะพานไม้ชาเปล (Chapel bridge) สะพานที่ดูไม่เหมือนสะพานและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี ที่ว่าไม่เหมือนสะพานก็เพราะแวบแรกอาจดูคล้ายอาคารกลางน้ำ แต่จริงๆ แล้วสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามไปมา ระหว่างสองฝั่งแม่นํ้ารอยซ์อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินเดลวาลด์(Grindelwald) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ระหว่างการเดินทาง ท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบสวิสเซอร์แลนด์แท้ๆ ที่มีทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือ ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
เดินทางสู่ สถานีกระเช้ากรินเดิลวาลด์เพื่อ นั่ง กระเช้า Eiger Express เป็นกระเช้าตัวใหม่ล่าสุดเป็นกระเช้าหรือ กอนโดล่าสามขาที่ทันสมัยที่สุดในโลก เป็นระบบผสมผสานกระเช้าลอยฟ้าและกระเช้าไฟฟ้าเข้าด้วยกัน มีความมั่นคง ต่อแรงลม โดยจะนำท่านขึ้นจากสถานีกรินเดิลวาลด์ ไปยังสถานี ไอเกอร์เกลตเชอร์ Eigergletcher ซึ่งเป็นจุด เชื่อมต่อกับรถไฟจุงเฟราที่จะนำท่านสู่ยอดเขา ที่เป็นจุดสูงสุดของยุโรป จากนั้นนำท่านโดยสารรถไฟขึ้นสู่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) ที่ได้ชื่อว่าเป็น TOP OF EUROPE โดยได้รับ การประกาศให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.2001 เมื่อถึงยอด เขาแล้วท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี อิสระให้ท่านได้สัมผัสหิมะ พร้อมเก็บภาพบรรยากาศบนยอดเขาจุงเฟรา ที่ความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,454 เมตร และสำหรับภายในตัวอาคาร จุงเฟรานั้นยังมีห้องนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการสร้างทางรถไฟจุงเฟรา, ร้านจำหน่ายช็อคโกแลตลินน์, ร้าน นาฬิกาและร้าน จำหน่ายของที่ระลึก ท่านสามารถส่งโปสการ์ดถึงคนพิเศษเพื่อเป็นที่ระลึกจากยอดเขาแห่งนี้ได้อีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (บนยอดเขา)
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางลงจากยอดเขาด้วยรถไฟสู่สถานีไอเกอร์เกลตเชอร์ จากนั้นโดยสารโดยกระเช้า Eiger Express ซึ่งเป็นเส้นทางที่สุดแสนโรแมนติกและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เบียดบังสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและให้ ท่านชมทัศนียภาพแสนงดงามที่จะทำให้ท่านประทับใจมิรู้ลืม รถโค้ชรอรับท่านที่สถานีกระเช้า
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอินเทอร์ลาเก้น (Interlaken) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองตากอากาศ สวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมืองตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่ง คือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็นเขาจุงเฟราอันสวยงาม
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ปัจจุบันเป็น เมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นเมืองที่เรียกเก็บค่าภาษีในอัตราต่ำที่สุดในโลกอีกด้วย ท่าน สามารถเดินเที่ยวในเขตเมืองเก่าของซุกได้อย่างเพลิดเพลิน บรรยากาศของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงความเก่าแก่แต่ สวยงาม พื้นถนนที่ปูด้วยหินจากยุคกลาง จัตุรัสที่มีน้ำพุโบราณประดับด้วยรูปปั้นอยู่หลายจุด ไปจนถึงทะเลสาบซุกที่ สวยงามและถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป ล้วนแล้วแต่เป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่าแก่เล็กๆ แห่งนี้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางไปยัง เมืองเบิร์น (Bern) เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมายังสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามด้วย บ้านเรือนในบรรยากาศสบายๆ ตามสไตล์เมืองเก่าทั่วไป ให้ท่านชม บ่อหมีสีน้ำตาล Bear Park สัตว์ที่เป็น สัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น จากนั้นเที่ยวชม ย่าน เมืองเก่า (Old City of Berne) ซึ่งได้รับการ บรรจุไว้ในรายชื่อมรดกโลกในปี ค.ศ. 1983 และ ก่อตั้งขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษ ที่ 12 ตั้งอยู่บน ภูเขาล้อมรอบด้วยแม่น้ำอาเร (Aare River) ชม มาร์คกาสเซ ย่านเมืองเก่าที่ปัจจุบันเต็มไปด้วย ร้านดอกไม้ และร้านเสื้อผ้าบูติค เป็นย่านที่ปลอด รถยนต์จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200 – 300 ปี ชม โบสถ์แห่งกรุงเบิร์น (The Cathedral of Bern) มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยยุค โกธิค ตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 หอคอยมีความสูงราวๆ 100 เมตร สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1893 ถือเป็นมหาวิหารที่สูง ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศด้วย จากนั้นชม หอนาฬิกาดาราศาสตร์ ไซ้ท์ กล็อคเค่น (Zytglogge Clock Tower) หอนาฬิกายุคกลางที่มีชื่อเสียงที่สุดของย่านเมืองเก่า เบิร์น ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 อายุ 800 ปี จะมีโชว์ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงที่นาฬิกาตีบอกเวลา ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ของกรุงเบิร์น ถัดจากหอนาฬิกาไปไม่ไกล จะเป็น ไอน์สไตน์เฮาส์ (Einstein House) ท่านสามารถ แวะถ่ายรูปภายนอกกับบ้านที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยอาศัยอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงภาพถ่าย เพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่นักฟิสิกส์ชื่อก้องโลกคนนี้
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองบาเซิล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองบาเซิลตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศริมฝั่งแม่น้ำไรน์ และยังเป็น เมืองเก่าที่มีอายุกว่า 2000
ผ่านชม ศาลากลางบาเซิล (City Hall of Basel) ที่มีอายุมากกว่า 500 ปีตั้งอยู่ใจกลาง จัตุรัส Marktplatz อิสระให้ท่านเดินชมเมืองและช้อปปิ้งย่านจัตุรัส Marktplatz ถนนสายหลักของบาเซิลที่ขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่มี ร้านค้ามากมาย
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เป็นเมืองเล็กๆน่ารัก ตั้งอยู่ใน แคว้นอัลซาส (Alsace) เป็น 1 ใน 8 แคว้นผลิตไวน์ สำคัญของฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติคเมือง หนึ่งของประเทศฝรั่งเศส อันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไวน์แหล่งปลูกองุ่นพันธุ์ดี เพื่อผลิตไวน์ชั้นเลิศบริเวณเชิง เขาของเทือกเขาโวชจ์ ซึ่งมีไร่องุ่นจำนวนมากเคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม นำท่านเดินเที่ยวชม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมืองดูโรแมนติกยิ่งขึ้นมรดกทางสถาปัตยกรรมพบเห็นได้จาก โบสถ์แบบโกธิคและโรมันสไตล์ และอาคารเก่าหลายหลังสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 บ้านเรือนเรียงรายสองฝั่งคลอง ดูงดงามน่ารักจนได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ลเวนิส”อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่ง แคว้นอัลซาส(Alsace) ของประเทศฝรั่งเศส และยังได้รับการยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติจากองค์การ ยูเนสโกเมืองซึ่งผสมผสาน 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากในอดีตถูกผลัดเปลี่ยนอยู่ภายใต้การ ปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรสำคัญของยุโรป อาทิ สภายุโรป องค์กรสิทธิ มนุษยชน และศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ที่นี่ยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยดังชั้นนำที่เกอร์เธ (Goethe) นักเขียนชาว เยอรมันเคยศึกษาอยู่
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแร็งส์ (Reims) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) เป็นเมืองทางเหนือของเขต Champagne ห่างจากปารีส 130 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตามประวัติเมืองนี้ก่อตั้งโดย Gauls อาณาจักรโรมัน และยังถูกเรียกว่าเป็น เมืองแห่งการครองราชย์ เนื่องจากเป็นเมืองสำคัญของประวัติศาสตร์ราชวงศ์ แห่งฝรั่งเศส ที่มีการจัดงานขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ณ โบสถ์แห่งเมือง Reims ซึ่งเป็นสถานที่เก็บขวด สำหรับทำพิธีเจิม ซึ่งตามตำนานเล่าว่า นกพิราบได้นำขวดนี้มามอบให้ในขณะทำพิธีขึ้นครองราชย์ของพระเจ้า Glovis ที่ 1 ใน ค.ศ. 496
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ มหานครปารีส (Paris) เมืองหลวงของฝรั่งเศส สถานที่ในฝันแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศ หนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่ง หนึ่งของโลก เมืองแห่งศิลปะ แฟชั่น การศึกษา อบอวลไปด้วยความโรแมนติก เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความ สวยงามของมหานครแห่งนี้ เดินทางสู่ จัตุรัสทรอคาเดโร บริเวณเนินเขา ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำแซน มีลานกว้างขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ทั้งหอไอเฟล สวนสาธารณะชองเดอมาร์ส เป็นจุดที่ถ่ายรูป หอไอเฟล ได้ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในปารีส (กรณีจัตุรัสทรอคาเดโร มีการจัดงานหรือปิดในวันที่เดินทางไป จะต้องเปลี่ยนจุดถ่ายรูปหอไอเฟลเป็นมุมอื่นๆแทน)
ชมลานประวัติศาสตร์ จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concord) มีความหมายว่า จัตุรัสแห่งความปรองดองหรือ ความสมานฉันท์อีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิสก์ (L’Obélisque) ประติมากรรมอันล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของประเทศอียิปต์และประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถูกส่งให้ เป็นของขวัญแก่พระเจ้าชาร์ลที่ 10 ในปีค.ศ. 1829 และ ประติมากรรมน้ำพุ Fontaine de Jacques Hirtoff พระ เจ้าหลุยส์-ฟิลิป โปรดให้สถาปนิก Jacques Hittoff สร้างน้ำพุ 2 แห่ง บริเวณกลางลานจัตุรัสคองคอร์ด ผ่านชมสวน ตุยเลอรีTuileries Garden อดีตเป็นสวนของพระราชวังหลวงอันเก่าแก่ใจกลางกรุงปารีส อยู่ระหว่าง จัตุรัส คองคอร์ดและพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ไม่พลาด ถ่ายภาพพีระมิดแก้ว ด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) พิพิธภัณฑ์ชื่อดังที่ตั้งอยู่กลางเมืองใหญ่แห่งนี้ โดดเด่นสะดุดตาด้วยทางเข้าที่เป็นทรงโดมพีระมิดแก้วที่เป็นสัญลักษณ์ ของพิพิธภัณฑ์ เป็นพิพิทธภัณฑ์ที่เก็บรักษาผลงานศิลปะเอาไว้มากกว่า 380,000 ชิ้น ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับ สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นตามอัธยาศัย
อิสระช้อปปิ้ง ณ Duty Free น้ำหอม เครื่องสำอาง และ Shopping ห้างลาซามาริแตง (La Samaritaine) ห้างสรรพสินค้าคอนเซ็ปต์สโตร์ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งนับตั้งแต่เปิดทำการเมื่อปี 1870 อาคารเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ ก่อนศตวรรษที่ 20 ตั้งอยู่บริเวณเลียบแม่น้ำแซน หนึ่งในอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส สร้างด้วย สถาปัตยกรรมผสมระหว่างอาร์ตนูโว (Art Nouveau) และอาร์ตเดโค (Art Déco) มีพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยร้านค้าระดับพรีเมียมกว่า 600 แบรนด์ตลอดทั้ง 7 ชั้น ร้านอาหารอีกกว่า 12 ร้าน ผสานทั้งความเก่าแก่ โมเดิร์น แฟชั่น อาหาร และที่สำคัญกับงานศิลปะ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าแบรนเนมตามอัธยาศัย นำท่านผ่านชม มหาวิหารนอร์ทเทอร์ดาม อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมโกธิคยุคกลาง อายุกว่า 850 ปี สถานที่ ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกไป เยี่ยมชมมหาวิหาร 13 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 35,000 คน ตัวอาคารมีความสูงวัดถึงยอดอยู่ที่ 69 เมตร กว้าง 69 เมตร ยาว 128 เมตร ภายในและภายนอกอาคารประดับประดาด้วยประติมากรรม และหน้าต่างกระจกสี มหาวิหารนอร์ท เทอร์ดาม ตั้งอยู่บนเกาะ อีล เดอ ลา ซิเต้ กลางแม่น้ำแซน เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1163 ในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 และสร้างเสร็จในปี 1345 มหาวิหารแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายและถูกปล่อยปละละเลยในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส และนำไปสู่การบูรณะครั้งใหญ่ระหว่างปี 2387-2407 มหาวิหารนอเทรอดาม ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ปี 1991
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเที่ยวชมกรุงปารีส ถ่ายภาพเป็นที่ ระลึกกับ ประตูชัยนโปเลียน (Arc de Triomphe) หรือ ประตูชัยฝรั่งเศส ตั้งอยู่ กลางจัตุรัสชาร์ลเดอโกล ทางทิศตะวันตกของ ถนนฌ็องเซลิเซ่ ประตูชัยนี้เป็นจุดเริ่มต้นและ สิ้นสุดของถนนถึง 12 เส้น สร้างขึ้นเพื่ออุทิศ แด่ผู้กล้า ผู้สละชีพในสงครามนโปเลียน สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส และสงครามโลกครั้งที่ 1 ปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีก ด้วย ผ่านชมถนนสายโรแมนติก ถนนช็องเซลี เซ (Champs Elysees) ซึ่งได้รับการขนาน นามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลกที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมจากดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกและยังคงรักษารูปแบบ สถาปัตยกรรมของตึกในสมัยโบราณ
จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้ง ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galeries Lafayette) ห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่ง หนึ่งของปารีส ภายในอาคารเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อีกทั้งยังยิ่งใหญ่อลังการ สมกับเป็นห้างสรรพสินค้า ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เต็มไปด้วยสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม เครื่องสำอางมากมาย อาทิ Chanel , Christian Dior, Prada, Balenciaga ฯลฯ รวมไปถึงมีภัตตาคารซึ่งให้บริการอาหารฝรั่งเศสซึ่งเป็นรสชาติเฉพาะของเมืองปารีสอีก มากมาย
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก : โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านแวะชม ย่านมงมาร์ต (Montmartre) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ของมหานครปารีส เนื่องจากเป็นพื้นที่บนเนินสูง จึงทำให้สามารถ มองเห็นวิวของปารีสได้เเบบพาโนรามา ย่านนี้ถูกขนานนาม ว่าเต็มไป ด้วยจิตวิญญาณของศิลปิน ถ่ายภาพ มหาวิหารซาเครเกอร์ (Bassilica of Sacre Coeur) (ด้านนอก) ตัวโบสถ์นั้นถูกสร้างขึ้น ในสไตล์ไบเซนไทน์ (Byzantine-style) ตัววิหารซาแครเกอร์ก่อจาก หินปูนทราเวอร์ทีน เป็นหินที่โดดเด่นเรื่องการทนต่อสภาวะอากาศ ส่งผลให้ตัววิหารเองยังคงความงดงามมาได้จนทุกวันนี้
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินปารีส ชาร์ล เดอ โกล
15.15 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินเจดดาห์ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV126 (บริการ อาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 5.50 ชั่วโมง) (เวลาประเทศซาอุดิอาระเบีย ช้ากว่าประเทศ ไทย 4 ชั่วโมง)
22.55 น. เดินทางถึง สนามบินเจดดาห์ประเทศซาอุดิอาระเบีย (เวลาท้องถิ่น) นำท่านแวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางสู่ ประเทศเยอรมนี (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2.45 ชั่วโมง)
01.55 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV844 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง 15 นาที)
13.40 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทําการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างลูกค้าและ บริษัทฯ เมื่อท่านตกลงชําระเงินมัดจําหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯแล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไข ข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด
1. บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเลื่อน, ยกเลิกการเดินทาง หรือปรับราคาค่าบริการขึ้น ในกรณีที่มีผู้เดินทางน้อยกว่า 15 ท่าน
2. เมื่อท่านตกลงชําระเงินมัดจําหรือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการชําระผ่านตัวแทนของบริษัทฯ หรือชําระโดยตรงกับทางบริษัท ฯ ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆที่บริษัทฯได้ระบุไว้ทั้งหมด
3. เนื่องจากตั๋วเครื่องบินเป็นตั๋วกรุ๊ปราคาพิเศษ ในกรณีที่ท่านไม่สามารถเดินทางพร้อมคณะไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตัว เครื่องบินไม่สามารถ เลื่อนวันเดินทาง, เปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือคืนเงินได้
4. หากสายการบินมีการปรับขึ้นของค่าภาษีสนามบิน หรือภาษีน้ํามัน ทางบริษัทจะเรียกเก็บเพิ่มตามจริง
5. หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือการใช้งานมากกว่า 6 เดือน (นับจากวันเดินทางกลับ) และบริษัทฯ รับเฉพาะผู้มีจุดประสงค์
เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น
6. บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดทัวร์บางประการเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย อาทิเช่น เที่ยวบิน รายการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
7. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดกรณีความล่าช้าจากสายการบิน, สายการบินยกเลิกเที่ยวบิน, การประท้วง, การ นัดหยุดงาน, การก่อจลาจล, โรคระบาด, ภัยธรรมชาติ, อุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัท
8. บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหาย อันเนื่องมาจากความประมาทของท่าน, เกิดจากการโจรกรรม และ อุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง
9. บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น และไม่สามารถคืนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในกรณีที่ผู้เดินทางไม่ผ่านการพิจารณาในการตรวจคน เข้าเมือง-ออกเมือง ไม่ว่าจะเป็นกองตรวจคนเข้าเมืองหรือกรมแรงงานของทุกประเทศในรายการท่องเที่ยว อันเนื่องมาจาก การกระทําที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย การหลบหนีเข้าออกเมือง เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือ การถูกปฏิเสธในกรณีอื่นๆ
10. บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านใช้บริการของทางบริษัทฯไม่ครบ อาทิ ไม่เที่ยวบางรายการ, ไม่ทานอาหารบาง มื้อ เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทางบริษัทฯได้มีการชําระค่าใช้จ่ายให้ตัวแทนต่างประเทศแบบเหมาขาดก่อนออกเดินทางแล้ว
11. รายการนี้เป็นเพียงข้อเสนอที่ต้องได้รับการยืนยันจากบริษัทฯ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้สํารองโรงแรมที่พักในต่างประเทศ เรียบร้อยแล้ว โดยโรงแรมจัดในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนตามที่ระบุในโปรแกรม
12. การจัดการเรื่องห้องพัก เป็นสิทธิ์ของโรงแรมในการจัดห้องให้กับกรุ๊ปที่เข้าพัก โดยมีห้องพักสําหรับผู้สูบบุหรี่/ปลอดบุหรี่ โดย อาจจะขอเปลี่ยนห้องได้ตามความประสงค์ของผู้ที่พัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมให้บริการของโรงแรม ไม่สามารถยืนยันได้
13. กรณีมีผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ นั่งรถเข็น (WHEELCHAIR), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจําตัว หรือไม่สะดวกในการ เดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของ ท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจําเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด (กรุณาแจ้งให้ทางบริษัทฯ
ทราบล่วงหน้าก่อนทําการจอง)
14. ประกันการเดินทาง บริษัทฯ ได้จัดทําแผนประกันภัยการเดินทางสําหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศ แบบ Group tour โดย แผนประกันจะครอบคลุมอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างช่วงที่เดินทาง และลูกค้าต้องทําการรักษาในโรงพยาบาลที่
6/162 ถนน วิภาวดีรังสิต แขวง สนามบิน เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210