23.00 น. คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น4 สายการบิน EMIRATES เคาน์เตอร์ T ประตู 8 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
02.25 น. เหินฟ้าสู่ ดูไบ โดยสายการบิน EMIRATES เที่ยวบินที่ EK377 Airbus A380-800 (บริการอาหารบนเครื่อง ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 35 นาที)
06.00 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ (รอต่อเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมง)
10.45 น. ออกเดินทางต่อ สู่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน EMIRATES EK123 (ใข้เวลาบินโดยประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที พักผ่อนรับประทานอาหารบนเครื่อง)
14.25 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ กรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
นำทุกท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองซาฟรานโบลู SAFRANBOLU ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 30 นาที (440 กม.) ชื่อ Safran แปลว่าสีเหลือง ซึ่งมาจากเกสรหญ้าฝรั่น (Saffron) ซึ่งมีสีเหลืองแดง และ Bolu แปลว่ามากมาย คือเป็นเมืองที่มี Saffron อยู่มาก แซฟฟรอนหรือหญ้าฝรั่นเป็นเครื่องเทศที่มีราคาสูงที่สุดในโลก โลละเกือบแสนบาท ที่เมืองแห่งนี้จะมีผลิตภัณฑ์จากหญ้าฝรั่นขายอยู่มากมาย อีกทั้งเมืองนี้ยังมีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะชื่อเสียงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมซาฟรานโบลู ที่มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของชุมชนเมืองทั่วทั้งจักรวรรดิออตโตมัน ในปี 1994 องค์การยูเนสโกยกให้เมืองซาฟรานโบลูเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมของตุรกี ซาฟรานโบลูมีสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และทิวทัศน์สมบูรณ์ ทำให้ซาฟรานโบลูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก LEYLA HANIM KONAGI (SAFRANBOLU) หรือเทียบเท่า ( เนื่องจากโรงแรมอยู่ใน OLD TOWN กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืน )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านแวะถ่ายรูปจุดชมวิว อิสระถ่ายภาพบรรยากาศเมืองซาฟรานโบลู ตามอัธยาศัย
หลังจากนั้น พาทุกท่านเดินเยี่ยมชมเมืองเก่า เมืองที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี แวะชมมัสยิด KOPRULU MOSQUE & SUN DIAL เป็นมัสยิดที่เก่าแก่การตกแต่งภายในสวยงามมากและคุ้มค่ากับการได้ไปเยือน รอบๆ มัสยิด เรียงรายไปด้วยร้านรวงมากมาย ชมบ้านเมืองแบบออตโตมันดั้งเดิม เมืองเก่าอนุรักษ์อาคารเก่าแก่หลายแห่ง โดยมีโบราณวัตถุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ 1,008ชิ้น ตัวบ้านที่มีโครงไม้ที่มีเอกลักษณ์ บ้านเหล่านี้เป็นตัวแทนที่ดีเยี่ยมที่สะท้อนสถาปัตยกรรมออตโตมันจากยุคกลางและเป็นจุดแวะพักที่สำคัญบนเส้นทางสายไหม แวะถ่ายรูปด้านนอก กับ Cinci Hoca Hamam โรงอาบน้ำตุรกี (ฮามัม)
เปิดประสบการณ์สุด Exclusive ให้ทุกท่านได้ลิ้มรสกาแฟแบบดั้งเดิมของออตโตมัน
พร้อมกับทำนายดวงชะตาจากกากกาแฟที่ท่านดื่ม ฟรี
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่คัปปาโดเกีย ดินแดนที่มีภูมิประเทศราวหลุดไปในเทพนิยาย Cappadocia อีกหนึ่งเมืองที่สำคัญของประเทศตุรกีที่เหล่านักท่องเที่ยวชื่นชอบ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่น สวยแปลกตา และมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ทำให้ลาวา และเถ้าถ่านที่พ่นออกมากระจายไปทั่วบริเวณ และเกิดการทับถมกลายเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา ต่อมาถูกกัดกร่อนจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ จนเกิดเป็นหุบเขารูปทรงต่างๆ เรียกว่า “ปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney) นั่นเอง และด้วยความสวยงามที่แปลกตาราวดินแดนในฝันทำให้เมือง Cappadocia ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1985
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ!! CAPPADOCIA หรือเทียบเท่า
**หมายเหตุ:กรณีห้องพักโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน**
** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น. เพื่อชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเจียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง **
(ค่าขึ้นบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ประมาณ 300-350 USD/ท่าน ราคานี้สมาคมผู้ประกอบการฯเป็นผู้กำหนด)
**ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการซื้อ OPTIONAL TOUR ผ่านทางหัวหน้าทัวร์เท่านั้น ด้วยเหตุด้านความปลอดภัยของตัวท่านเอง และในเรื่องของการจัดการบริหารเวลาของกรุ๊ปทัวร์ ขอขอบพระคุณทุกท่านในการให้ความร่วมมือ**
แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (OPTIONAL TOUR)
1.บอลลูนทัวร์ (BALLOON TOUR) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยากใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละประมาณ 300-350 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
2. รถจี๊ปทัวร์ (JEEP TOUR) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 120 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ(USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ
คำแนะนำ
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หุบเขาเดฟเรนท์ หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley) เป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า หุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Vally) และ หุบเขาสีชมพู (Pink Valley) ที่มีชื่อว่าหุบเขาแห่งมโนคติก็เนื่องมาจากบรรดาหินรูปทรงแปลกประหลาดซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายที่ชวนให้ต้องใช้จินตนาการในการมอง
จากนั้นนำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
จากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานจิวเวอร์รี่และโรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึก
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ได้เวลานำทุกท่านเดินทางสู่ หุบเขาเกอเรเม่ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้
แวะชมโรงงานทอพรม สินค้าขึ้นชื่อและมีคุณภาพดีของประเทศตุรกี อิสระให้ทุกท่านได้เลือกซื้อเป็นของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ!! CAPPADOCIA หรือเทียบเท่า
**หมายเหตุ:กรณีห้องพักโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน**
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.(189 กม.)
ระหว่างทางแวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์ก สมัยออตโตมัน
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ระหว่างทางแวะให้ท่านได้ลองชิม โยเกิร์ตฝิ่น ขนมหวานที่มีโยเกิร์ตเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบเสริม และมีดอกฝิ่นเป็นตัวเรียกแขก ก็เป็นสิ่งที่ต้องลองสักครั้งเมืองเดินทางมาเที่ยวประเทศตุรกี (ไม่รวมในค่าบริการ เลือกชิมตามความสนใจของท่าน)
จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100%
จากนั้นนำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากท่านจะได้สัมผัส ปราสาทปุยฝ้าย
เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก LYCUS RIVER HOTEL @PAMUKKALE หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม Turkish Delight ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี
จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (The Temple of Artemis) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ และแวะถ่ายรูป โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (St. John CASTLE) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป ISA BEY MOSQUE มัสยิดอิสอิสเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด Isa bey ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซิรินเซ (SIRINCE VILLAGE)เป็นหมู่บ้านที่ผสมผสานระหว่างกรีซและตุรกี ความโดดเด่นของหมู่บ้านนี้คือไวน์ และพลาดไม่ได้นั่นคือการชิมไวน์ มีร้านไวน์ให้ท่านเลือกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป้น เมล่อน พีช แอปเปิ้ล สตอร์เบอร์รี่ กล้วย นอกจากไวน์แล้วยังมีกาแฟตุรกีให้ทุกท่านได้ลองลิ้มรสที่เข้มข้นไม่เหมือนใคร (ไม่รวมในค่าบริการ เลือกชิมตามความสนใจของท่าน) และยังมีวิธีการชงที่น่าสนใจโดยการชงผ่านทรายร้อน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก HITIT HOTEL (KUSADASI) หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล เดิมชื่อ คอนแสตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ในทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่งบอสฟอรัส) และ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)
นำทุกท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกuได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973
มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET)หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก FEZ IN HOTEL @ISTANBUL หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง
** ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า และ จำเป็นต้องต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม**
สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป
จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7
จากนั้นนำทุกท่านแวะถ่ายรูปรอบๆและบริเวณด้านหน้าของ สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของ
กลางวัน อิสระให้ทุกท่านได้ตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาช็อปปิ้ง
นำทุกท่านแวะถ่ายรูปกับหอคอยกาลาตา GALATA TOWER เป็นหอคอยหินยุคกลางในเขตกาลาตา และเป็นหนึ่งที่ที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดในเมืองอิสตันบูล ด้วยลักษณะทรงกระบอกสูงของหอคอยที่โดดเด่นเหนือเส้นขอบฟ้า ทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามของคาบสมุทร และบริเวณโดยรอบ รอบบริเวณหอคอยยังเต็มไปด้วยอาคารและร้านค้าที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่สวยงามและแปลกตา
ค่ำ อิสระให้ทุกท่านได้ตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาช็อปปิ้ง
ได้เวลาสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน
23.20 น. เหิรฟ้าสู่ กรุงเทพมหานครโดยสายการบิน EMIRATES เที่ยวบินที่ EK118 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
04.50 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติดูไบ
09.40 น. เหิรฟ้าสู่ กรุงเทพมหานครโดยสายการบิน EMIRATES เที่ยวบินที่ EK372 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
19.15 น. คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ
(หมายเหตุ:ค่าประกันอุบิติเหตุสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน และ ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 75 ปีทางบริษัทประกันฯจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงครึ่งหนึ่งของสัญญาฯ)
เงื่อนไขการจอง และ การชำระค่าบริการ
หมายเหตุ
6/162 ถนน วิภาวดีรังสิต แขวง สนามบิน เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210