23.30 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ สายการบิน Emirates (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
*** คณะที่เดินทาง วันที่ 7, 15, 21 ตุลาคม นัดหมายเวลา 22.30 น. เดินทางโดยเที่ยวบิน EK 385 / ออกเดินทางจากประเทศไทย เวลา 01.35 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 04.45 น. ***
02.50 น. ออกเดินทางจากประเทศไทย สู่ดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 377
06.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
08.40 น. เดินทางต่อสู่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเที่ยวบิน EK 87
13.20 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานโคลเทิน เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังจากนั้นผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร
นำท่านเที่ยวชม เมืองซูริค (Zurich) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster abbey) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 853 โดยกษัตริย์เยอรมันหลุยส์ ใช้เป็นสำนักแม่ชีที่มีกลุ่มหญิงสาวชนชั้นสูงจากทางตอนใต้ของเยอรมันอาศัยอยู่ นำท่านสู่จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz) เป็นจัตุรัสเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและยังเป็นศูนย์กลางการค้าของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อิสระให้ท่านได้เดินชมเมือง ถ่ายรูปและเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พักนำท่านเข้าสู่ที่พัก RADISSON ZURICH AIRPORT หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย
ชมเมืองชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ
จากนั้นนำท่าน นั่งรถไฟไต่เขาริกิ (Rigi) ที่ถือได้ว่าเป็นรถไฟไต่เขาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ที่เรียกได้ว่าเป็นรถไฟสายแรกของสวิตเซอร์แลนด์เลยก็ว่าได้ และยังเป็นอันดับ 2 รองจากยอดเขาวอชิงตัน ในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ในสหรัฐอเมริกา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,798 เมตร สู่ ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) มีที่มาจากคำว่า Mons Regina แปลได้ว่า "ราชินิแห่งขุนเขา" (Queen of the mountains) เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของยอดเขาอื่นๆ ได้รอบ 360 องศา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองบนยอดเขา
บ่าย จากนั้นนำท่านลงจากเขาโดยกระเช้า เพื่อล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne Cruise) ทะเลสาบสี่พันธรัฐที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีความงดงามของทัศนียภาพอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่โอบล้อมด้วยยอดเขาริกิ (MountRigi) และยอดเขาพิลาทุส (Mount Pilatus) ทำให้วิวทิวทัศน์ของทะเลสาบลูเซิร์นดูงดงามยิ่งขึ้น ทะเลสาบลูเซิร์นยังได้ชื่อว่าเป็น “ทะเลสาบที่สวยสุดในสวิตเซอร์แลนด์” อีกด้วย ให้ท่านได้ชื่นชมทัศนียภาพบริเวณรอบๆทะเลสาบลูเซิร์น
นำท่านเที่ยวชม เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา นำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พักนำท่านเข้าสู่ที่พัก IBIS STYLES LUZERN หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านขึ้นรถไฟ Golden Pass Line (Luzern-Interlaken Express) โดยรถไฟเส้นทางนี้เป็
หนึ่งในเส้นทางรถไฟยอดนิยมของสวิสที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในขบวนรถไฟในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ระหว่างทางให้ท่านเห็นธรรมชาติอันงดงามสุดแสนจะโรแมนติกของทัศนียภาพสองข้างทางของสวิสผ่านหน้าต่างบานกว้าง เพื่อเดินทางสู่ เมืองอินเตอร์ลาเกน (Interlaken) เมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)
จากนั้นนำท่าน นั่งรถรางไฟฟ้า จากสถานี Harderbahn ขึ้นสู่ ยอดเขาฮาร์เดอร์ (Harder Klum) ยอดเขาที่ตั้งอยู่เหนือเมืองอินเตอร์ลาเคน ที่มีความสูง 1,322 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองบนยอดเขา
บ่าย อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามโดยรอบจากมุมสูง ชิมวิวแบบพาโนรามาของเมืองอินเตอร์ลาเคนที่มีทะเลสาบทูน และทะเลสาบเบรียนซ์ขนาบทั้งสองข้างจากจุดชมวิวทิวทัศน์ของยอดเขา สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางลงจากเขาสู่ เมืองอินเตอร์ลาเกน (Interlaken) อิสระให้ท่านได้ได้เดินเล่นภายในเมือง สัมผัสบรรยากาศ และธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์
เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พักนำท่านเข้าสู่ที่พัก METROPOLE หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงาม เพื่อขึ้นกระเช้า Eiger Express สู่สถานี Eigergletscher ให้ท่านได้เพลิดเพลินยนกับทัศนียภาพอันสวยงามของยอดเขาจุงเฟรา หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อด้วยรถไฟเพื่อขึ้นสู่ สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) โดยเมื่อปี ค.ศ. 2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟราเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ได้อีกด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองบนยอดเขา
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น (Bern) เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลก ในปี ค.ศ.2010 อีกด้วย นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านเดินลัดเลาะสู่ถนนจุงเคอร์นกาสเซ (Junkerngasse) ถนนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีในย่านเมืองเก่า มีบ้านอาคารสไตล์บาโรกตอนปลาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับวิหารเบิร์น (Bern’s Minster) วิหารสไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 จากนั้นเดินสู่ถนนแครมกัซเซอ (Kramgasse) ทำท่านชมหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge) อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง นำท่านเดินชมมาร์คกาสเซ (Marktgasse) ที่เต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200-300 ปี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พักนำท่านเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN WESTSIDE หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่า “ริเวียร่าของสวิส” ให้ท่านได้ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ นำท่านเข้าชมปราสาทชิลยอง (Chillon castle) โดยปราสาทแห่งนี้ เป็นปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่ไม่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาสูงชัน ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย นำท่านขึ้นกระเช้ายักษ์สู่ ยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) ยอดเขาที่มีความสูง 3,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ให้ท่านได้รับชมทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลสุดสายตาของเทือกเขาแอลป์ ให้ท่านได้ท้าทายความสูงโดยการเดินบน "The Peak Walk by Tissot" สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 ซึ่งสามารถมองเห็นวิวยอดเขาต่างๆ ของสวิตเซอร์แลนด์อย่าง จุงเฟรา, แมทเทอร์ฮอร์น และมองบลองก์ ได้อย่างชัดเจน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเซอร์แมท (Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พักนำท่านเข้าสู่ที่พัก SIMI HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟฟันเฟืองสู่ สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway) เดินทางสู่จุดชมวิวที่ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นที่สวยงาม โดยท่านสามารถเดินเท้าสู่บริเวณทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,757 เมตร โดยบริเวณทะเลสาบนี้เป็นเงาสะท้อนภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn's reflect) อันสุดสวยงามยิ่งนัก (โดยปกติน้ำในทะเลสาบ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และ สภาพอากาศ ถ้าช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง) า
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโลซานน์ (Lausanne) เมืองที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเที่ยวชม เมืองโลซานน์ เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิส และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่ในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงเคยประทับและทรงศึกษาที่เมืองแห่งนี้อีกด้วย
นำท่านชมศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติ ที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และรัฐบาลไทยได้ส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์ นำท่านเดินต่อสู่ เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล, แรงงานสากล ฯลฯ ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับน้ำพุเจทโด (Jet d'eau) ที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ (The Flower Clock) สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา
17.00 น. ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวา เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบิน
21.20 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 84
*** คณะที่เดินทางวันที่ 21 ตุลาคม ออกเดินทางสู่ดูไบ เวลา 20.40 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 06.05 น. ***
05.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 372
*** คณะที่เดินทาง วันที่ 13 กันยายน เดินทางโดยเที่ยวบิน EK 370 / ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 09.00 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.25 น. ***
*** คณะที่เดินทาง วันที่ 21 ตุลาคม / ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 09.30 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.40 น. ***
19.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
6/162 ถนน วิภาวดีรังสิต แขวง สนามบิน เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210